องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ออกมาเตือนให้ประชาชนทั่วโลกเตรียมรับมือกับไข้หวัดใหญ่ที่คาดว่าจะมีผู้ที่ติดเชื้อกว่า “พันล้านคน” ซึ่งไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่ทุกวัย สามารถติดเชื้อได้ง่ายและอาการจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือมีอาการแทรกซ้อนจนถึงขั้นเสียชีวิตได้ถ้าหา่กคุณไม่ทราบถึงวิธีการรักษาและการป้องกัน
สาเหตุการเกิดไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza virus) ซึ่งเชื้อไข้หวัดใหญ่มีอยู่ 3 ชนิด เรียกว่า ชนิด A, B และ C และสามารถแยกออกได้เป็น 2 กลุ่ม ดังนี้ คือ
1. “ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล”
2. “ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่” โดยเชื้อไวรัสนี้จะอยู่ในน้ำมูก, น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย โดยปะปนหรือแพร่กระจายในบรรยากาศ ซึ่งติดต่อด้วยการไอ จามหรือการสัมผัสสิ่งของ เครื่องใช้ที่มีเชื้อโรค
สำหรับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ ชนิด H1N1 ที่กลายพันธุ์จากเชื้อไวรัสตัวเดิมทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีภูมิคุ้มกันและติดเชื้อในวงกว้าง อาการที่เป็นจะรุนแรงกว่า หรือทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ในกลุ่มเสี่ยงอย่างคนที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่
โดยช่วงของระยะฟักตัว 1-4 วัน จะมีอาการอ่อนเพลีย หายใจหอบ เบื่ออาหาร ปวดศีรษะ ปวดบริเวณรอบดวงตา ตาแดง ปวดแขนปวดขา มีอาการเจ็บคอ คอแดง มีน้ำมูกหรือเสมหะ ตัวร้อน มีไข้สูงถึง 39 – 41 องศาเซลเซียส และมักมีอาการอาเจียนหรือท้องเสียร่วมด้วย โดยจะเป็นไข้ประมาณ 2 – 4 วัน แล้วไข้จะค่อยๆลดลง แต่อาการคัดจมูกและแสบคอยังคงมีอยู่ ซึ่งอาจจะหายได้ในช่วงเวลาประมาณ 1 – 2 สัปดาห์
ช่วงที่ไข้หวัดใหญ่มีอาการรุนแรงและมักเกิดโรคแทรกซ้อน จะพบการอักเสบของเยื้อหุ้มหัวใจ ผู้ป่วยจะมีอาการเจ็บหน้าอก หรือบางครั้งมีอาการหัวใจวาย อาจพบอาการเยื้อหุ้มสมองหรือสมองอักเสบ ซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยปวดศีรษะอย่างมาก และมีอาการซึมลงตามมา บางรายอาจมีอาการระบบทางเดินหายใจผิดปกติ เช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวม โดยผู้ป่วยจะมีอาการแน่นหน้าอก หรือเจ็บหน้าอกรุนแรงและเหนื่อยง่ายร่วมด้วย
หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 3 วัน เช่น ไข้สูงมากจนเพ้อ ซึม หายใจหอบ หายใจลำบาก เจ็บแน่นหน้าอก หน้ามืด มีอาการขาดน้ำและดื่มน้ำไม่เพียงพอ ควรรีบไปพบแพทย์ เพราะอาจมีภาวะแทรกซ้อน หรืออาจมีสาเหตุมาจากโรคอื่นๆ
การติดต่อ
– ระยะเวลาที่ติดต่อ คือ 1 วันก่อนเกิดอาการ และ 5 วันหลังจากมีอาการ สำหรับในเด็กอาจจะแพร่เชื้อ 6 วันก่อนมีอาการ และแพร่เชื้อได้นานถึง 10 วัน
– เชื้อสามารถติดต่อจากคนหนึ่งไปอีกคนหนึ่งโดยการหายใจ ไอ หรือจาม ซึ่งจะได้รับน้ำมูก หรือเสมหะของผู้ป่วยโดยเชื้อจะผ่านเข้าทางเยื่อบุตา จมูก และปาก
– การที่คุณได้สัมผัสกับสิ่งที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เช่น ผ้าเช็ดหน้า ช้อน แก้วน้ำ การจูบ ฯลฯ
– การที่มือไปสัมผัสเชื้อแล้วขยี้ตา หรือสัมผัสกับปาก
การป้องกันไข้หวัดใหญ่
– หมั่นล้างมือด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้เจลแอลกอฮอล์
– ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ช้อน ผ้าเช็ดมือ เป็นต้น
– ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย ไม่อยู่ในที่ที่แออัด อากาศถ่ายเทไม่สะดวก
– รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ เน้นพวกผักผลไม้ กินอาหารปรุงสุกใหม่ๆ
– นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 – 8 ชั่วโมง
– ดื่มน้ำสะอาดและหมั่นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
– ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่