ประกันชีวิต…คืออะไร

หากพูดถึง “ประกันชีวิต” ในบ้านเรา หลายคนคงส่ายหน้าหรือรู้สึกแอนตี้อยู่ในใจเพราะข่าวหลอกขายประกันมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ แต่เคยสงสัยกันไหมว่า จริงๆ แล้วประกันชีวิตมีประโยชน์ต่อตัวเราหรือไม่อย่างไร อายุเท่าไหนถึงจำเป็นต้องซื้อประกัน หรือควรเลือกประกันแบบไหนที่ตอบสนองความต้องการของเราได้มากที่สุด ถ้าคุณเป็นคนหนีงที่ยังไม่เข้าใจรายละเอียดอะไรเกี่ยวกับประกันชีวิตมากนัก ก็ลองศึกษาข้อมูลด้านล่างนี้สักหน่อยเผื่อจะตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าเราจะทำประกันชีวิตไว้สักฉบับดีหรือไม่

อันดับแรกสำหรับใครที่ยังไม่แน่ใจว่าประกันชีวิตหมายถึงอะไร สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือคปภ. อธิบายไว้ว่า เป็นการร่วมกันเฉลี่ยภัยจากการตาย การสูญเสียอวัยวะ ทุพพลภาพ หรือการสูญเสียรายได้ ที่อาจมีสาเหตุมาจากการเจ็บป่วย อุบัติเหตุ หรือยามเกษียณอายุ โดยเราในฐานะผู้เอาประกันภัยจะได้รับเงินช่วยเหลือชดเชยจากบริษัทตามที่ระบุไว้ในสัญญา

ประกันชีวิตแบ่งได้ทั้งหมด 3 ประเภท

1. ประเภทสามัญ ซึ่งเหมาะกับคนที่มีรายได้ประมาณนึงเพราะเงินเอาประกันภัยค่อนข้างสูง (50,000 บาทขึ้นไป) โดยเรา สามารถเลือกชำระเบี้ยเป็นรายเดือน, 3 เดือน, 6 เดือน, หรือรายปีได้ ส่วนการตรวจสุขภาพก่อนพิจารณารับประกันจะ ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทผู้รับประกันภัย อาจมีหรือไม่มีก็ได้

2. ประเภทอุตสาหกรรม ประเภทนี้จะเหมาะกับผู้มีรายได้ปานกลางหรือรายได้น้อยเพราะเงินเอาประกันภัยไม่สูงมากนัก ประมาณ 10,000-30,000 บาท การชำระเบี้ยเป็นแบบรายเดือนและไม่ต้องตรวจสุขภาพ แต่จะมี “ระยะเวลารอคอย” คือ หากเราเสียชีวิตตามธรรมชาติ บริษัทก็จะคืนเบี้ยที่เราชำระไปแล้วให้ทั้งหมด

3. ประเภทกลุ่ม จะมีผู้เอาประกันชีวิตร่วมกันตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป เช่น กลุ่มพนักงานบริษัท ซึ่งเบี้ยประกันจะต่ำกว่าประเภทอื่นๆ ส่วนการตรวจสุขภาพก็จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของบริษัทผู้รับประกันภัยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิตยังมีแบบย่อยอื่นๆ อีกหลากหลาย  โดยแต่ละแบบจะมีความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกัน สามารถแบ่งได้เป็นอีก 4 แบบ ดังนี้

1. แบบตลอดชีพ โดยหากเราเสียชีวิตระหว่างสัญญา บริษัทก็จะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้กับผู้รับประโยชน์ ข้อดีของแบบนี้คือ ช่วยแบ่งเบาภาระของครอบครัวหรือคนที่เรารัก ยามผู้เอาประกันเสียชีวิต

2. แบบสะสมทรัพย์ เปรียบเสมือนการคุ้มครองชีวิตและการออมควบคู่กันไป เพราะเราจะได้รับเงินคืนตามที่ตกลงกันไว้เมื่อมีชีวิตอยู่จนครบสัญญา แต่ถ้าเสียชีวิตก่อน บริษัทก็จะจ่ายเงินเอาประกันภัยให้ผู้รับประโยชน์แทน

3. แบบชั่วระยะเวลา ซึ่งจะคุ้มครองเฉพาะการเสียชีวิตเท่านั้น โดยเบี้ยประกันภัยจะต่ำกว่าแบบอื่นและไม่มีเงินคืน ถ้าเราเสียชีวิตระหว่างระยะเวลาเอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ก็จะได้รับเงินชดเชยจากบริษัท

4.แบบเงินได้ประจำ เหมาะสำหรับวัยเกษียณ หรืออายุ 50-60 ปีขึ้นไป ซึ่งจะต้องจ่ายเงินให้บริษัทในจำนวนเท่าๆกันทุกเดือน ส่วนเงื่อนไขอื่นๆ ต้องพิจารณาตามที่กำหนดไว้ในกรมธรรม์

 

ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.)