หายห่วงเรื่องอนาคตด้วย… “ประกันชีวิต”

 

          เพราะชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ไม่มีใครสามารถฟันธงอนาคตได้ว่าจะเป็นเช่นไร อาจมีทั้งสิ่งที่เราแพลนไว้และไม่คาดคิดมาก่อน เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย ประสบอุบัติเหตุ หรือเสียชีวิต หากเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากเจอกับอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เราก็ควรรู้จักวางแผนเพื่อหาทางรับมือสถานกาณ์ดังกล่าวไว้บ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การวางแผนด้านการเงิน ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ชีวิตคนๆ หนึ่งมั่นคงราบรื่นได้

          “ประกันชีวิต” ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกดีๆ ที่สามารถสร้างความมั่นคงในชีวิตและดูแลเรายามเกิดเหตุไม่คาดฝันในอนาคตได้ อย่างน้อยก็มั่นใจได้ว่าหากเราเป็นอะไรไป คนข้างหลังครอบครัวของเราจะไม่ถูกทอดทิ้งให้แบกรับภาระต่างๆ เพียงลำพัง

ประกันชีวิต…สำคัญฉไน

หากเราไม่อยากให้ครอบครัวหรือคนที่เรารักต้องมาลำบากเมื่อตนเองเสียชีวิตก็ไม่ควรมองข้าม “ประกันชีวิต” โดยเด็ดขาด เพราะนอกจากจะคุ้มครองชีวิตผู้เอาประกันแล้ว ยังช่วยวางแผนทางการเงินและปกป้องคนที่เรารักได้อีกด้วย ยิ่งปัจจุบันมีแบบประกันที่จ่ายเบี้ยไม่แพง พร้อมผลตอบแทนที่คุ้มค่าออกมาให้เราเลือกมากมาย จึงไม่ต้องกังวลเลยว่าจะหาประกันถูกๆ ที่ให้ความคุ้มครองดีๆ ไม่ได้

การซื้อประกันชีวิตเปรียบเสมือนการทำสัญญาระหว่าง 2 ฝ่าย คือ บริษัทฯ ผู้รับประกันภัยและลูกค้าผู้ถือกรมธรรม์ หากวันใดเราเป็นอะไรไป บริษัทฯ ก็จะจ่ายเงินชดเชยตามที่ระบุไว้ในสัญญา อย่างไรก็ตาม ประกันชีวิตนั้นมีมากมายหลายประเภทตามแต่ความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าแต่ละคน ซึ่งแต่ละประเภทก็จะให้ผลประโยชน์และความคุ้มครองที่ต่างกันขึ้นอยู่กับเงื่อไขของกรมธรรม์ เช่น ค่าใช้จ่ายในงานศพ ค่ารักษาพยาบาล เงินชดเชยยามเสียชีวิตหรือพิการ เงินชดเชยรายได้ เป็นต้น

 

แบบประกันต้องตอบโจทย์ตัวเรา

ก่อนตัดสินใจซื้อประกันชีวิตทุกครั้ง ควรพิจารณารายละเอียดข้อมูลของแบบประกันนั้นๆ ให้รอบคอบเสียก่อน เพราะแต่ละคนย่อมต้องการความคุ้มครองที่แตกต่างกันไป เช่น คุณพ่อวัยกลางคนลูกสองย่อมต้องการประกันชีวิตคนละแบบกับหนุ่มโสดอยู่แล้ว โดยข้อมูลที่เราต้องเช็คให้แน่ใจก็คือ ระยะเวลาเอาประกันนานแค่ไหน ระยะเวลาชำระเบี้ยหรือเบี้ยประกันขั้นต่ำเท่าไร ผลประดยชน์และความคุ้มครองครอบคลุมเรื่องใดบ้าง

หลังจากศึกษาข้อมูลเรียบร้อยแล้วก็กลับมาสำรวจความต้องการของตนเองและครอบครัว เช่น อยากให้ลูกเรียนที่ไหน เรามีแพลนจะเกษียณเมื่อใด อาชีพที่ทำอยู่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุมั้ย สุขภาพของตนเองในขณะนั้นเป็นอย่างไร รวมถึงพิจรณารายรับของเราด้วยว่าสามารถจ่ายเบี้ยประกันของแบบที่ต้องการจะซื้อไหวหรือไม่ เพราะจำนวนไม่น้อยตัดสินใจยกเลิกกรมธรรม์ก่อนครบกำหนดสัญญาเพราะจ่ายเบี้ยต่อไปไม่ไหว

 

ประกันชีวิตมีกี่แบบกันแน่

สำหรับใครที่ยังสับสนอยู่ว่าประกันชีวิตแต่ละแบบมันแตกต่างหรือมีข้อดีข้อเสียอย่างไร ก็ลองศึกษาข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ของแบบประกันยอดนิยมด้านล่างนี้ดูเสียหน่อย เผื่อจะได้ตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

แบบชั่วระยะเวลา – แบบนี้จะจ่ายเบี้ยเพียงครั้งเดียว หรือไม่กี่ครั้ง แต่เราจะต้องเสียชีวิตระหว่างสัญญา ผู้รับผลประโยชน์ถึงจะได้รับเงินชดเชย เพราะหากเรามีชีวิตอยู่จนคบกำหนดสัญญาก็จะไม่ได้อะไรคืนเลย

แบบตลอดชีพ – ระยะเวลาเอาประกันจะให้ความคุ้มครองเกือบทั้งชีวิตตามชื่อแบบเลย โดยเราจะต้องจ่ายเบี้ยและมีชีวิตอยู่จนกว่าจะครบกำหนดสัญญา ถึงจะได้รับเงินคืนตามเงื่อนไขของกรมธรรม์

แบบสะสมทรัพย์ – ถือเป็นแบบยอดนิยมสำหรับคนที่ต้องการวางแผนทางการเงิน หากเราจ่ายเบี้ยครบตามที่กำหนดและมีชีวิตอยู่จนครบสัญญาก็จะได้ผลตอบแทน ซึ่งรวมถึงเบี้ยประกันที่จ่ายไปและเงินคืนสิ้นปีกรมธรรม์ แต่หากเสียชีวิตก่อน บริษัทฯ ก็จะจ่ายเงินชดเชยให้ผู้รับผลประโยชน์แทน โดยจะมีทั้งแบบที่มีเงินปันผลและไม่มีเงินปันผล

หลายคนอาจไม่ต้องการซื้อตลอดชีพหรือสะสมทรัพย์เพราะต้องจ่ายเบี้ยค่อนข้างสูง แต่สำหรับใครที่วางแผนการเงินไว้ตั้งแต่เนิ่นๆและมั่นใจว่าจะมีชีวิตอยู่จนครบสัญญา ประกันชีวิต 2 แบบนี้ก็ถือว่าคุ้มค่าพอสมควรเพราะเราจะได้ผลตอบแทนรายปี พร้อมกับการคุ้มครองชีวิต

ยูนิตลิ้งก์ – เป็นการซื้อประกันชีวิตควบคู่ไปกับการลงทุน เพราะนอกจากจะคุ้มครองชีวิตเราแล้ว ยังให้ผลตอบแทนที่มาจากการลงทุนในกองทุนรวม

เห็นอย่างงี้แล้วก็อย่าลังเลที่จะซื้อประกันชีวิตเลยดีกว่า เพราะมันไม่ได้คุ้มครองแค่ชีวิตเราเพียงอย่างเดียวเดียว ขณะเดียวกันยังช่วยวางแผนทางการเงิน และปกป้องคนที่เรารักได้อีกด้วย หลายคนที่ได้อ่านบทความนี้คงเห็นภาพได้ชัดเจนขึ้นว่าตนเองควรซื้อประกันแบบไหน แต่หากใครยังไม่มั่นใจก็ลองเปรียบเทียบและศึกษาข้อมูลแบบประกันหลายๆ แบบของแต่ละบริษัทฯ ดูก่อน เพื่อหาอันที่ตอบสนองความต้องการของเราได้มากที่สุด

 

อ้างอิงจาก http://www.lifehack.org/531620/life-insurance-secure-way-protect-your-future