31 Tips…ช่วยให้ชีวิตง่ายขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ (1)

หากคุณกำลังรู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ เจอกับอุปสรรคปัญหาหลายอย่าง และไม่เข้าใจว่าทำไมชีวิตมันช่างยากเหลือเกิน ขอบอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ยังมีอีกหลายคนที่ต้องเผชิญช่วง hard time ไม่ต่างกัน หากเรามีสติ ค่อยๆ คิดหาทางแก้ปัญหา  ยังไงเสียต้องผ่านไปได้แน่นอน อย่างไรก็ตาม เราควรยอมรับด้วยว่าทุกอย่างอาจไม่เป็นดังที่หวัง 100%

แต่สำหรับใครที่ยังปล่อยวางไม่ได้ กว่าจะใช้ชีวิตให้ผ่านไปได้แต่ละวันช่างยากเย็น ลองเปิดใจนำ 31 Tips ดีๆ ที่เราเอามาฝากด้านล่างนี้สักนิด รับรองว่าคุณจะรู้สึกว่าชีวิตมันง่ายขึ้นและมีความสุขมากกว่าเดิมแน่นอน

1. ทำตัวให้มีความสุข

แม้จะมีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบมากมาย แต่ก็อย่าใช้ชีวิตตึงจนเกินไป รู้จักผ่อนคลายหาความสุขให้ตัวเองเสียบ้าง เป็นตัวของตัวเอง เลือกทำในสิ่งที่ชอบ และทำวันนี้ให้ดีที่สุด ข้อผิดพลาดหรืออะไรที่ไม่ดีก็เก็บไว้เป็นบทเรียน พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี อย่าทะเยอทะยานมากจนเกินไป

2. ปรับเปลี่ยนทัศนคติเสียใหม่

อย่ายึดติดอยู่กับความสำเร็จเพียงอย่างเดียว บนโลกนี้ไม่มีใครดีพร้อมไปหมดทุกอย่าง  คนเราต้องมีผิดพลาดกันบ้าง แต่หากเราเปิดใจเรียนรู้ความผิดพลาดที่ผ่านมาจะรู้เลยว่ามันช่วยให้เราแกร่งขึ้นและประสบความสำเร็จได้ในที่สุข

3. ใช้ชีวิตให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย

เพราะชีวิตมันสั้น วันพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างก็ไม่รู้ หากมีอะไรที่อยากทำ แต่ยังไม่ได้ทำก็รีบซะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง

4. รู้จักให้อภัย

เวลาไม่พอใจอะไรก็ควรรู้จักปล่อยผ่าน อย่าเก็บมาโกรธเคืองหรือเอาแต่เคียดแค้นเพราะมันไม่เกิดประโยชน์อะไร รวมถึงการให้อภัยและยอมรับความผิดพลาดของตัวเองด้วยเช่นกัน

5. อย่ายึดติดกับของนอกกาย

เงิน บ้าน ทรัพย์สินอื่นๆ ล้วนเป็นสิ่งนอกกายที่เวลาตายเราก็เอาติดตัวไปด้วยไม่ได้ อยู่กับและใช้ชีวิตให้สุขเท่าที่เราจะได้โดยไม่ต้องลำบากตัวเองจะดีกว่า

6. นึกไว้ยังมีคนลำบากกว่าเรา

โลกนี้ยังมีคนอีกมากมายที่ลำบากหรือเจอปัญหาหนักๆ ยิ่งกว่าเรา เมื่อไรที่รู้สึกท้อให้นึกไว้ว่าเรายังโชคดีกว่าพวกเขามาก ยิ่งโลกวัตถุนิยมเช่นปัจจุบันที่หล่อหลอมให้คนอยากได้อยากมีในสิ่งไม่จำเป็นเพื่อรักษาหน้าในสังคมด้วยแล้ว  เวลาจะซื้ออะไรก็ขอให้มันเป็นสิ่งที่เราต้องการและจำเป็นต้องใช้จริงๆ อย่าเลือกซื้อเพียงเพราะกลัวคนอื่นมองเราไม่ดี

7. ฝันให้ไกลไปให้ถึง

แม้บางอย่างอาจจะดูยากหรือเป็นไปไม่ได้ แต่ถ้าไม่เคยลงมือทำสักทีแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าเราทำได้หรือป่าว อย่าไปฟังคนอื่นที่ชอบพูดบั่นทอนกำลังใจ หากผลมันไม่เป็นตามที่หวังก็ไม่เป็น อย่างน้อยครั้งหนึ่งก็ถือว่าเราได้ทำแล้ว

8. อยู่กับคนที่ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น

หลีกเลี่ยงคนที่ทำให้ชีวิตเราตกต่ำลง อย่าลดคุณค่าตัวเองด้วยการทนอยู่กับคนที่ทำให้เรารู้สึกแย่และฉุดชีวิตเราลงเหว นึกถึงพ่อแม่และครอบครัว คนที่หวังดีที่สุดกับเราเอาไว้ อย่าปล่อยให้คนอื่นมาทำลายชีวิตที่พ่อแม่เราสร้างมา

9. เรียนรู้/ ซึบซับแต่สิ่งดีๆ

เรื่องอะไรที่รู้แล้วมันไม่เกิดประโยชน์ต่อตัวเองก็ไม่ต้องไปใส่ใจ รู้ไว้เพื่อเปิดมุมมองของตัวเองก็พอ แต่หากอะไรดีๆ เราก็รับเอาไว้และนำมาพัฒนาตัวเองต่อไป

10. เขียนไดอารี่

ลองบันทึกเรื่องราวในแต่ละวันเพื่อดูว่าเราทำอะไรไปบ้าง หากมีอะไรที่ทำไปแล้วไม่เกิดประโยชน์ก็ควรลดๆ ลงบ้าง หรือถ้าเจอข้อผิดพลาดอะไรก็เก็บไว้เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำอีก

11. ออกกำลังกาย

ไม่จำเป็นต้องไปเข้าฟิตเนสวันละหลายๆ ชั่วโมง แค่การออกกำลังกายง่ายๆ อยู่กับบ้านอย่างน้อยวันละ 15 นาทีก็พอ นอกจากจะช่วยให้เราสุขภาพดีแล้ว ยังทำให้จิตใจปลอดโปร่งมากขึ้นด้วย

12. ลดการท่องโลก social ลงบ้าง

ทุกวันนี้หลายคนมัวแต่ก้มหน้าอยู่กับสมาร์ทโฟน ไม่สนใจโลกภายนอกเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกากไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน ก็ลองปิด notification ของ social media ต่างๆ ในระหว่างวัน ลดเวลาการเล่นสมาร์ทโฟนให้น้อยลง แล้วเอาเวลาไปทำอย่างอื่นแทน คุณจะรู้เลยว่าวันๆ เราเสียเวลาไปกับมันมากอยู่เหมือนกัน

13. นั่งสมาธิ

การนั่งสมาธิจะช่วยให้เรามีสติ จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำได้ดีขึ้น เหมือนเป็นการพัฒนาตัวเองที่ช่วยให้ประสิทธิภาพในการทำงานเพิ่มขึ้นด้วย ทั้งยังเป็นการผ่อนคลายความเครียด ให้สมองปลอดโปร่ง

14. งีบหลับพักสมอง

อย่ามองว่าการงีบหลับเป็นความขี้เกียดอยากอู้งาน เพราะการงีบหลับระหว่างวันเพียง 15-25 นาที ก็ช่วยชาร์ตพลังในการทำงานให้เราได้แล้ว

15. พักผ่อนให้เพียงพอ

ข้อนี้ถือเป็นเบสิกที่สำคัญมากๆ เพราะการพักผ่อนส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพของเรา ไม่ว่าจะงานยุ่งแค่ไหนก็ควรแบ่งเวลาให้เป็น อย่างน้อยเราควรนอนขั้นต่ำวันละ 7 ชม. หากร่างกายเราพร้อม สมองก็จะปลอดโปร่งและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ที่มา http://www.lifehack.org/469047/31-magic-tricks-to-simplify-your-life?ref=sidebar