ตัวเลขผู้โดยสารโตสอดคล้องกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ yield ยังไม่ฟื้นตัว 2M4Q62 (ต.ค.-พ.ย.) รายงานตัวเลขผู้โดยสารโตที่ 5.3% เป็น 3.34 ล้านคน และปริมาณการขนส่ง ผู้โดยสาร(RPK) +5.9% เป็น 11,612 ล้านคน-กม.
แต่เนื่องจากมีการลดปริมาณที่นั่งลง 1% จึงส่งผล ให้ Cabin Factor สูงขึ้นมากเป็น 81.6% จาก 76.4% ซึ่งสอดคล้องกับตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ที่ทางกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬารายงาน 2M4Q62 เติบโต 9% ที่ 6.4 ล้านคน จากนักท่องเที่ยว จีนที่กลับมาฟื้นตัว 23% หลังเกิดเหตุเรือล่มในเดือน ก.ค. 2561 ทําให้นักท่องเที่ยวจีนหดตัวไปราว 1 ปี และกลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ ก.ค. 2562 นักท่องเที่ยวอินเดียโต 29.5% นอกจากนี้นักท่องเที่ยวชาติ หลัก ๆ อย่าง ญี่ปุ่น เกาหลี รัสเซีย และไต้หวัน ก็ยังเติบโตได้ค่อนข้างดี ส่วนการขนส่งพัสดุภัณฑ์ยัง เป็นขาลง โดยน้าหนักการขนส่ง -11.2% เป็ น 107 ล้าน กก. และปริมาณการขนส่งพัสดุภัณฑ์ (ล้าน ตัน-กม.) -10.8% แม้ผู้โดยสารจะกลับมาโตแต่ก็คาดว่ารายได้/หน่วย (yield) ยังมีทิศทางที่ลดลงอยู่ ทั้งจากการแข่งขันและเงินบาทที่แข็งค่ายังคงกดดัน โดยคาดว่า yield ของผู้โดยสารไม่ต่างจาก 3Q62 โดยยังตํ่ากว่า 2 บาท/คน/กม.จากปี ก่อนที่ 2.25 บาท และรายได้/หน่วยของการขนส่งพัสดุยังตํ่ากว่า 8 บาท/ตัน/กม. จาก 8.65 บาท/ตัน/กม. รายได้ที่ลดลง ทําให้คาดจะขาดทุนแม้จะเป็น high season ปี 2563 มาตรฐานบัญชีใหม่จะบังคับใช้ ส่งผลต่อทั้งหนี้และกําไร ในปี 2563 จะมีมาตรฐานบัญชีใหม่บังคับใช้ 2 มาตรฐาน คือ
1) TFRS 16 เรื่องสัญญาเช่าดําเนินงาน โดยจะนํามูลค่าสัญญาดังกล่าวมาแสดงในงบดุลในส่วนของหนี้สินจากปัจจุบันที่ไม่แสดง โดยสิ้น 3Q62 THAI มีสัญญาเช่าดําเนินงานเครื่องบินทั้งหมด 42 ลํา คิดเป็นมูลค่า 114,560 ล้านบาท ที่จะถูกบันทึกเป็ นหนี้สิน หากใช้ข้อมูล 3Q62 จากเดิมที่มีD/E ที่ 19.6 เท่า เมื่อรวมสัญญาเช่าดําเนินงาน เข้ามาจะทําให้เพิ่มขึ้นเป็น 29.1 เท่า ซึ่งยังไม่รวมสัญญาเช่าดําเนินงานอื่นๆ
2) IFRS 9 เรื่อง เครื่องมือทางการเงิน เพื่อให้สะท้อนถึงรูปแบบการดําเนินธุรกิจและสอดคล้องกับการบริหารความเสี่ยงของกิจการให้มากยิ่งขึ้น โดยจะเกี่ยวกับการจัดประเภทรายการและการวัดมูลค่า, การด้อยค่าของเครื่องมือทางการเงิน และการบัญชีป้องกันความเสี่ยง ที่ต้องวัดมูลค่าของตราสารอนุพันธ์ต่างๆ เช่น สัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า, สัญญาแลกเปลี่ยนสกุลเงิน และสัญญาแลกเปลี่ยนราคาน้ามัน รวมถึงต้องประเมินลูกหนี้การค้าเพื่อต้องสํารอง ซึ่งเป็นลบต่อการดําเนินงาน ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐทั้งการเพิ่มทุนและการจัดหาเครื่องบินใหม่สิ้น 3Q62 THAI มีส่วนของผู้ถือหุ้นเฉพาะบริษัทอยู่ที่ 12,377 ล้านบาท และ 4Q62 ที่มีแนวโน้มขาดทุน ส่วนของผู้ถือหุ้นจะลดลงอีก ซึ่ง D/E จะสูงขึ้นอีก และมีความเสี่ยงที่ SET อาจขึ้นเครื่องหมาย “C” จากส่วนของผู้ถือหุ้นตํ่ากว่า 50% ของทุนชําระแล้ว ทําให้มีความจําเป็นต้องเพิ่มทุน อีกทั้งเครื่องบินที่ มีอายุมากรวมถึงต้องใช้เครื่องบินให้เหมาะสมกับเส้นทางบิน จําเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนฝูงบินและ เพิ่มเครื่องบินพร้อมกับการปลดระวางเครื่องบินเก่า โดยแผนจัดหาซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลํา ยังรอ กระทรวงคมนาคมอนุมัติ สิ่งเหล่านี้ต้องได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ คาดว่าน่าจะมีความชัดเจนในครึ่งปี แรก 2563 ยังแนะนํา “ขาย” ราคาพื้นฐาน 4 บาท จะเห็นได้ว่าบริษัทยังมีความเสี่ยงเรื่องการดําเนินงานที่จะขาดทุนใน 4Q62 และปี 2563 รวมถึงการ เพิ่มทุนและจัดหาเครื่องบินใหม่ที่จะมีผลต่อหนี้สินในเพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน จึงยังคงคําแนะนํา “ขาย” ราคาพื้นฐาน 4 บาท