การออมเงินในปี 2020

เริ่มต้นปี 2020 ควรทำอะไรกันดี เก็บออมเงิน และมีเงินอยู่ในบัญชีเฉย ๆ ที่ฝากออมทรัพย์ไปก็ไม่ได้อะไร เพราะดอกเบี้ยเงินฝากในปัจจุบันนี้มันไม่ถึง 1% อยากมองหาหนทางในการลงทุนทำให้เงินงอกเงย  เชื่อว่าจะต้องมีการซื้อประกันชีวิต และการซื้อกองทุน LTF รวมอยู่ในทางเลือกการลงทุนแน่นอน ขอนำเสนอการออมทั้งสองแบบนี้ว่าแต่ละแบบเป็นอย่างไร รวมไปถึงประโยชน์ในแง่ของการลดหย่อนภาษี เพื่อเป็นทางเลือกในการออมและการลงทุน

ประกันชีวิต

การประกันชีวิตนั้นถือเป็นการซื้อความเสี่ยงในกรณีคุณเสียชีวิตก็จะได้รับเงินก้อนใหญ่ตามที่ระบุเอาไว้ในกรมธรรม์ กรณีที่สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ ก็จะได้รับเงินชดเชยจากการสูญเสียรายได้ ที่นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณได้ เก็บออมเงิน อีกด้วย เพราะเมื่อครบกำหนดสัญญา บริษัทประกันก็จะคืนเงินทุนประกันพร้อมกับกำไรคืนให้แก่ผู้เอาประกัน เรียกได้ว่าเป็นตัวเลือกในการลงทุนเอากำไรอีกทางหนึ่งที่มีความเสี่ยงไม่มาก เงินทุนยังคงอยู่ไม่มีการขาดทุนในส่วนของการลดหย่อนภาษีของประกันชีวิตนั้น ค่าเบี้ยประกันประเภทประกันสุขภาพและประกันอุบัติเหตุนั้น จะไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้  ประเภทประกันชีวิตที่จะนำมาลดหย่อนได้ก็คือ ประกันชีวิต ซึ่งจะมีอยู่ด้วยกัน 2 แบบ คือค่าเบี้ยประกันชีวิตและค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ โดยจะมีเงื่อนไขดังต่อไปนี้

ค่าเบี้ยประกันชีวิต 

สามารถหักลดหย่อนได้ทั้งสิ้น 100,000 บาท ตามจำนวนที่จ่ายจริง โดยส่วนแรกสามารถหักลดหย่อนได้ 10,000 บาท สำหรับส่วนที่เกิน 10,000 บาทหักได้ไม่เกินจำนวนเงินได้หลักหักค่าใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 90,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าประกันชีวิตต้องมีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป ต้องทำกับบริษัทประกันภัยที่ประกอบกิจการประกันชีวิตในประเทศไทย โดยหากมีเงินปันผลหรือเงินคืนระหว่างสัญญา ยอดเงินคืนต้องไม่เกิน 20% ของเบี้ยประกันรายปี

ค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ 

สามารถหักลดหย่อนได้สูงสุด 15% ของเงินได้ แต่ต้องไม่เกิน 200,000 บาท นอกจากนี้ เมื่อนำไปรวมกับเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ เงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ เงินกองทุนสงเคราะห์โรงเรียนเอกชน เงินลงทุนใน RMF และเงินออมในกองทุนการออมแห่งชาติแล้ว จะต้องไม่เกิน 500,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องเป็นค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญมีความคุ้มครองตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป  มีการกำหนดการจ่ายผลประโยชน์เป็นรายงวดอย่างสม่ำเสมอ มีการกำหนดช่วงอายุของการจ่ายผลประโยชน์ และต้องจ่ายเบี้ยประกันครบถ้วนก่อนได้รับผลประโยชน์

LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว

Long Term Equity Fund (LTF) หรือในชื่อภาษาไทยคือ “กองทุนรวมหุ้นระยะยาว” เป็นกองทุนรวมที่เน้นลงทุนในหุ้น เหมาะกับผู้ที่ต้องการลงทุนระยะยาว แต่ไม่มีความชำนาญเกี่ยวกับการลงทุนในหุ้น หรือไม่มีเวลาติดตามการลงทุนหุ้นอย่างใกล้ชิด ซึ่งผู้ลงทุนจะต้องถือหน่วยลงทุนไว้ไม่น้อยกว่า 5 ปีปฏิทิน กองทุนรวมหุ้นระยะยาวนี้จะเน้นลงทุนในหุ้นกลุ่ม SET50 หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม หรือตามที่บริษัทจัดการเห็นสมควร ขึ้นอยู่กับรายละเอียดนโยบายการลงทุนของกองทุน LTF นั้น โดยจะมีการจ่ายเงินปันผลหรือไม่มีก็ได้

สำหรับกรณีที่มีการจ่ายเงินปันผล ผู้ถือหน่วยลงทุนจะมีภาระภาษีที่ต้องจ่ายด้วย โดยสามารถเลือกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10% ทันที หรือจะเลือกไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่นำเงินปันผลนั้นมาคำนวณรวมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปีก็ได้เช่นกัน ในส่วนของสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีที่เป็นแรงจูงใจให้คนมาร่วมลงทุนนั้น จะได้รับแบ่งเป็น 2 ทางด้วยกัน ดังนี้

เงินลงทุนในกองทุน LTF สามารถนำมาหักลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้พึงประเมินในปีภาษีนั้น แต่ต้องไม่เกิน 500,000 บาท

กำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุน (Capital Gain) ในส่วนนี้จะได้รับการงดเว้นภาษีเงินได้ หากมีการลงทุนเกิน 15% ของเงินได้ หรือเกิน 500,000 บาท เมื่อขายคืนหน่วยลงทุนแล้วมีกำไร ผู้ลงทุนจะต้องนำกำไรที่ได้จากการขายคืนหน่วยลงทุนนับเฉพาะเงินลงทุนส่วนที่เกิน ไปคำนวณรวมกับภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี

ประกันชีวิตกับ LTF ลงทุนแบบไหนดีกว่ากัน?

การซื้อประกันชีวิตมีวัตถุประสงค์หลักคือเรื่องคุ้มครองความเสี่ยงจากการเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะหรือทุพพลภาพ และจะมีผลพลอยได้เป็นการสะสมทรัพย์เข้ามาด้วย ในขณะที่การซื้อ LTF นั้นมีวัตถุประสงค์หลักในเรื่องของการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงขึ้นในระยะยาว ซึ่งทั้งสองแบบนั้นมีความเสี่ยงและรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่

LTF นั้นเหมาะกับคนที่สามารถรับความผันผวนจากการลงทุนได้ เพราะเป็นการลงทุนในหุ้นจึงมีความเสี่ยงสูงกว่า แต่มีโอกาสได้รับผลกำไรที่ดีกว่า ดังนั้นหากคุณเลือกซื้อ LTF คุณจะต้องยอมรับการขาดทุนและเงินต้นที่จะหายไปได้ ควรเป็นคนที่มีเงินเย็นอยู่ในบัญชี ที่หากขาดทุนก็จะไม่ลงผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

ส่วนประกันชีวิตจะเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อความคุ้มครองชีวิตด้วยและได้สะสมทรัพย์ด้วยไปพร้อม ๆ กัน เหมาะกับคนที่ไม่ชอบความเสี่ยง ไม่ชอบความผันผวน ไม่ต้องการขาดทุน ไม่รีบใช้เงิน สามารถอดทนรอผลกำไรได้นานเป็น 10 ปีขึ้นไป และยอมรับได้ว่าอาจจะไม่ได้ผลกำไรมากเท่ากับ LTF ที่มีความเสี่ยงสูงกว่า

ในส่วนของสภาพคล่องทางการเงิน ถ้าหากคุณเลือกการซื้อประกันชีวิต คุณต้องรอเป็นระยะเวลา 10 ปีขึ้นไปจึงจะได้เงินทุนพร้อมกับผลกำไรคืนเป็นก้อน แต่ในกรมธรรม์บางฉบับก็จะมีเงินคืนระหว่างทางด้วย เพื่อเป็นกระแสเงินสดที่คุณสามารถนำมาใช้หมุนเวียนได้ คุณจึงจำเป็นต้องสอบถามรายละเอียดกับตัวแทนขายประกันชีวิตให้ละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ

LTF ระยะเวลาการลงทุนจะอยู่ที่ 5 ปีปฏิทินขึ้นไป หลังจากถือหน่วยลงทุนครบ 5 ปีก็จะสามารถขายหน่วยลงทุนได้แล้ว ถือว่าระยะเวลาการได้รับเงินคืนนั้นน้อยกว่าการทำประกันชีวิต และถ้าหากคุณเลือกซื้อ LTF ที่มีการจ่ายเงินปันผล ก็จะได้เงินปันผลในระหว่างทางมาใช้ด้วย

การเลือกลงทุนแบบใดก็ตาม ควรเลือกจากการรับความเสี่ยงของคุณเป็นหลัก หากคุณมีเงินเย็นที่หากขาดทุนก็จะไม่เดือดร้อนหรือมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ก็สามารถเลือกลงทุนใน LTF ที่มีความเสี่ยงสูงกว่าและอาจจะมีผลตอบแทนที่ดีกว่าได้ หรือหากคุณไม่อยากเสี่ยงมากนัก เงินที่คุณมีหากสูญไปก็อาจจะทำให้คุณไม่มีเงินเก็บเหลือเลย ควรเลือกซื้อประกันชีวิตแทนจะดีกว่า หรือทางที่ดีเลือกแบ่งเงินซื้อทั้ง 2 อย่างเฉลี่ยกันไป ก็ถือเป็นการกระจายความเสี่ยงได้อีกทางหนึ่ง แถมยังลดหย่อนภาษีได้ทั้งสองทางเลยด้วย