จากเหตุการณ์การระบาดของไวรัส COVID-19 ที่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และระบบสาธารณสุขอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในรอบหลาย 10 ปีที่ผ่านมา จากการที่รัฐบาลประกาศภาวะฉุกเฉิน และสั่ง Lockdown ประเทศ เพื่อสกัดไวรัส COVID-19 ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และธุรกิจเกือบทุกประเภทต้องปิดการให้บริการลงชั่วคราว นักท่องเที่ยวซึ่งเป็นกำลังซื้อสำคัญของประเทศไม่สามารถเดินทางเข้าประเทศได้ ธุรกิจส่วนใหญ่กำลังเผชิญปัญหาสภาพคล่อง และลดการจ้างงานอย่างรุนแรง ราคาสินค้าอุปโภค ไมว่าจะเป็นน้ำมัน ทองคำ ตลาดหลักทรัพย์ แม้กระทั่งดอกเบี้ย และอัตราแลกเปลี่ยน มีความผันผวนอย่างรุนแรง ธนาคารแห่งประเทศไทย ต้องหั่นดอกเบี้ยถึง 2 ครั้ง จนเหลือ 0.75% ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบหลาย 10 ปี ที่ผ่านมา อีกทั้งตลาดหุ้นอเมริกา (ดัชนี Dow Jones) ได้มีการปรับตัวจากจุดสูงสุด เป็นประวัติการที่ 29,500 ลงไปจนถึง 18,200 จุด และเด้งขึ้นมาที่ 23,900 ซึ่งดัชนีหุ้นไทยได้ปรับตัวตาม โดยลดลงจาก 16,000 จุดเมื่อต้นปี ลงมาต่ำที่สุดที่แถว 970 (ระหว่างวัน) และเด้งขึ้นมาถึงระดับ 1,200+ ในปัจจุบัน ขณะที่ราคาทองคำกำลังปรับตัวสูงขึ้น จาก 1,500 เหรียญสหรัฐ มาที่แถว 1,700 เหรียญสหรัฐ ขณะเดียวกันอัตราแลกเปลี่ยน เงินบาทต่อสหรัฐ ที่เคยแข็งค่ามาโดยตลอดก็อ่อนจาก 30 บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 32+ บาท ต่อ 1 เหรียญสหรัฐ
ความน่ากลัว ของ COVID-19 คือมันเกิดขึ้นทั่วโลก และสร้างความเสียหายต่อระบบสาธารณสุข และเศรษฐกิจในทุกประเทศที่มีการระบาด รัฐบาลแต่ละประเทศ ได้ออกมาตรการช่วยเหลือโดยการอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบทั้งทางตรงและทางอ้อม ผ่านการออกพันธบัตร และพยายามคุมดอกเบี้ยให้ต่ำเพื่อกระตุ้นการหมุนเวียนของเงินให้มากที่สุด จะเห็นได้จากเหตุการณ์ที่เกิดมาแล้วตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเหตุการณ์เช่นนี้จะอยู่กับเราไปอีกระยะหนึ่ง จนเราอาจจะเคยชินและยอมรับว่าเป็นความปกติใหม่ (New Normal)
แต่ในสภาวะนี้เราสามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ เช่น การลงทุนในหุ้น, การลงทุนในธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่ำ หรือลงทุนกับประกันชีวิตออมทรัพย์กับฟิลลิปประกันชีวิตที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่า สามารถซื้อง่ายผ่านทางช่องทางออนไลน์
Phillip Capital Group