กลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare ท่ามกลาง Covid-19 โอกาส หรือ ความเสี่ยง?

ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าท่ามกลางสถานการณ์ COVID-19 ทั่วโลก กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างมากหนีไม่พ้น กลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare ซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับ COVID-19 โดยบทความนี้จะพามาทำความรู้จักกลุ่มอุตสาหกรรม Healthcare ที่เป็นความหวังของตลาดหุ้นสหรัฐฯ เริ่มต้นจากแบ่งย่อยลงไปในกลุ่ม Healthcare จะสามารถแบ่งธุรกิจนี้คร่าวๆได้แก่

  • สถานพยาบาล : UnitedHealth Group Incorporated (UNH)
  • บริษัทผู้ผลิตยา : Pfizer, Inc. (PFE)
  • บริษัทผู้ผลิตวัคซีน : Sanofi ADR (SNY)
  • บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์ : Medtronic PLC (MDT)
  • สินค้าอุปโภคบริโภค : Johnson & Johnson (JNJ)

แต่ก่อนอื่นมารู้จักกับดัชนี NYSE Healthcare Index (NYP) ซึ่งอ้างอิงหุ้นกลุ่ม Healthcare ที่จดทะเบียนในตลาด NYSE (The New York Stock Exchange) อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ COVID-19 ส่งผลให้ NYSE Healthcare ปรับตัวลดลง -29.04% จากจุดสูงสุดในช่วงปลายเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯพุ่งสูงขึ้น และนับจากจุดต่ำสุดช่วงปลายมีนาคม ตลาดหุ้นสหรัฐฯได้ส่งสัญญาณฟื้นตัวจากมาตรการต่างๆของรัฐบาลสหรัฐฯ  ส่งผลให้กลุ่ม Healthcare ปรับฟื้นตัวจากจุดต่ำสุดของปี +34.44% YTD

หากมองในส่วนของรายได้ กำไรสุทธิ และEPS (กำไรต่อหุ้น) ใน  1Q2020 ของ โดยภาพรวม เติบโตสูง อย่างเห็นได้ชัด จากบทวิเคราะห์ Global Large-Pharma Covid-19 Outlook ของ Bloomberg Intelligence ให้มุมมองไว้ว่า ผลจาก COVID-19 ส่งผลให้เกิด Excess Demand (อุปสงค์ส่วนเกิน) ในกลุ่ม  Healthcare จากการที่สถานพยาบาลต่างๆ ทั่วโลกเพิ่มปริมาณการสั่งยา และเพิ่มสัดส่วนการสำรองยาบางชนิดโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับ COVID-19 ซึ่งปัจจุบันยังไม่มียารักษาโดยตรง ทำให้ต้องใช้การรักษาแบบการดูแลตามอาการ ด้านรัฐบาลแต่ละประเทศก็มีการสั่งซื้อทั้งอุปกรณ์การแพทย์ หน้ากากอนามัย ชุด PPE รวมถึงชุดตรวจ COVID-19 ให้กับบุคลากรทางการแพทย์ ถึงแม้ว่าบริษัทกลุ่ม Healthcare จะเพิ่มกำลังการผลิตแต่ก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน จึงเกิดภาวะสินค้าไม่เพียงพอต่อความต้องการ ส่งผลให้หลายฝ่ายเร่งเตรียมความพร้อมให้ได้มากที่สุด ทำให้ในไตรมาสที่ 2 มีความเป็นไปได้ที่สินค้าแต่ละชนิดเริ่มเพียงพอต่อความต้องการจากการเร่งสั่งซื้อของ รัฐบาล และเอกชน  ทำให้กลุ่มHealthcare ดูมีความหวังที่จะฟื้นตัวในไตรมาสที่ 2

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทั้งอุตสาหกรรมจะฟื้นตัว ยังมีหลายธุรกิจในกลุ่มซึ่งได้รับผลกระทบและยังไม่มีท่าทีที่จะกลับมา ตัวอย่างเช่น  ธุรกิจขายอุปกรณ์การแพทย์ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ COVID-19 ทั้งทางตรงและทางอ้อม ถูกลดความสำคัญ ชะลอการสั่งซื้อและลดสัดส่วนสำรองลง รวมถึงการประชุมทางการแพทย์ต่างๆ ที่ถูกเลื่อนอย่างไม่มีกำหนด บริษัทวิจัยและพัฒนาวัคซีนที่ต้องพักการวิจัยอื่นเพื่อมาวิจัยวัคซีน COVID-19 เช่นบริษัท Gilead Sciences , Inc. (GILD) ที่ตลาดให้น้ำหนักว่าผลการทดลองวัคซีนของบริษัท ดูมีความคืบหน้ากว่าบริษัทอื่น ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น +19.34% YTD แม้ตัววัคซีนยังอยู่ในช่วงแรกของการทดลอง ซึ่งไม่สามารถคาดการณ์ถึงระยะเวลาว่าจะสามารถใช้งานได้จริงเมื่อไร

ในตลาดยังมีธุรกิจบางอย่างที่นักลงทุนส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยรู้จักกัน คือ กลุ่มบริษัทที่ทำธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายตัวยา ที่มีความต้องการใช้เป็นประจำและต่อเนื่อง เช่น กลุ่มผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหืด หลอดลมอักเสบเรื้อรัง ตับแข็ง ส่งผลให้ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องใช้ยารักษาอาการป่วยอย่างต่อเนื่อง ตัวอย่างเช่น Novo Nordisk A/S (NVO) บริษัทเภสัชกรรมข้ามชาติของเดนมาร์กซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่เมือง Bagsværd ประเทศเดนมาร์กมีโรงงานผลิตใน 8 ประเทศและ บริษัท ในเครือหรือสำนักงานใน 5 ประเทศ เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ยาสำหรับรักษาโรคเบาหวาน โรคอ้วน โรคเกี่ยวกับตับ และโรคที่เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเป็นต้น ราคาหุ้นปรับปรับตัวสูงขึ้น +9.63% YTD

Eli Lilly and Company (LLY) บริษัทเภสัชกรรมอเมริกาที่มีสำนักงานใหญ่ในเมือง Indianapolis ประเทศอินเดีย และสำนักงานอยู่ใน 18 ประเทศ มีผลิตภัณฑ์ของบริษัทจำหน่ายในประเทศต่างๆประมาณ 125 ประเทศ บริษัทเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่าย ยาสำหรับรักษาโรคเบาหวาน โรคมะเร็ง และโรคที่เกี่ยวข้องกับภูมิคุ้มกันเป็นต้น ราคาหุ้นปรับปรับตัวสูงขึ้น +19.92% YTD

 

ทำไมถึงต้องลงทุนกับฟิลลิป?

เพราะเราเป็นตัวจริงด้านการลงทุนและเป็นรายแรกในประเทศไทยที่ให้บริการการซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนชาวไทยสามารถลงทุนและเป็นเจ้าของหุ้นต่างประเทศด้วยตัวเองกว่า 11 ประเทศ 15 ตลาด(สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง ญี่ปุ่น จีน ออสเตรเลีย อังกฤษ เวียดนาม และอื่นๆ) ภายใต้บัญชีเดียว ทั้งนี้ยังมีโครงการ Share Builder Plan สำหรับนักลงทุนที่อยากจะออมในหุ้นต่างประเทศเป็นประจำให้เลือกใช้บริการได้อีกด้วย แถมการเปิดบัญชีก็ง่ายและสะดวกเพียงเปิดบัญชีออนไลน์ได้ด้วยตัวเองที่หน้า www.poems.in.th หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่เบอร์ 02-635-3055 ได้ตลอด 24 ชม.

บทความโดย : คุณอภิศักดิ์ ว่องวานิช