แม้จะอยู่ในช่วงโควิด-19 แต่ทำไมช่วงนี้คนต่อแถวเข้าร้าน CHANEL เยอะจัง? บทความนี้มีคำตอบ!

เคยไปห้างสรรพสินค้าแล้ว สงสัยกันไหมว่า ทำไมแบรนด์ดังอย่าง CHANEL ถึงมีคนต่อแถวรอคิวเข้าร้านเยอะตลอด ถึงแม้ช่วงที่ผ่านมายังเป็นช่วงที่เสี่ยงเจอเชื้อโควิด-19 และเศรษฐกิจยังคงซบเซาก็ตาม? โดยเฉพาะกระเป๋าและสินค้าอื่นๆ ไม่ว่าจะออกคอลเลคชั่นไหนมาก็มักจะมีคนพูดถึงและพุ่งตัวไปจับจองอยู่เสมอ จะขอบอกว่า ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไป เพราะบทความนี้ได้เก็บคำตอบมาฝากว่า ทำไมคนต่อแถวเข้าร้าน CHANEL เยอะตลอด?

 

ยิ่งปรับราคาสูง ยิ่งดึงดูดให้ซื้อมากขึ้น

ปกติเราจะเคยเจอแต่ ยิ่งปรับราคาสูง คนยิ่งซื้อน้อยลง โดยเฉพาะช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด เศรษฐกิจทั่วโลกย่ำแย่ ทำให้ต้องหากลยุทธ์ปรับลดราคากันยกใหญ่ แต่นั่นไม่ใช่กับ Chanel หลังจากเมื่อช่วงกลางปีที่แล้วทางแบรนด์เองได้มีการประกาศออกมาว่า จะปรับราคาสูงขึ้น 5-17% เนื่องจากหาวัตถุดิบมาใช้ผลิตได้ยากขึ้น ทำให้นักช้อปทั้งหลายรีบพุ่งตัวไปต่อคิวหาซื้อกระเป๋าและเครื่องหนังตัวดังกันยกใหญ่ 

ส่วนหนึ่งอาจจะมาจาก หลายคนมองว่า การครอบครองกระเป๋าและเครื่องหนัง CHANEL คือการลงทุนในระยะยาวประเภทหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหนสไตล์ของแบรนด์ก็ไม่มีคำว่าเชย รุ่นฮิตยังคงฮิตมาอย่างยาวนาน ไม่ใช่แบบ Fast Fashion ที่ออกคอลเลกชั่นใหม่แล้ว รุ่นเก่าๆ จะเลือนหายไป อีกทั้งราคามีการปรับเพิ่มสูงขึ้นตลอด จะซื้อเก็บไว้ขายต่อหรือซื้อใช้เองพอเบื่อก็ขายต่อเป็นมือสองได้กำไรแบบคุ้มๆ

 

แต่ละคอลเลกชั่น โดนใจคนไทย

ต้องยอมรับว่า การออกแบบทั้งหน้าตา-การใช้งานของสินค้าแต่ละประเภทของ CHANEL ตอบโจทย์คนไทยมากๆ (จะเห็นได้ว่า Local Brand หรือแม้แต่แบรนด์มีระดับประมาณหนึ่งก็ยังพยายามออกแบบให้ออกมาคล้ายคลึงกับสินค้าของ CHANEL เพียงแต่คนที่ไม่ได้ติดตามจะไม่ทราบเท่านั้น) โดยในส่วนของคอลเลกชั่นใหม่ในปี 2021 นี้ ตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิ-ซัมเมอร์ ไปจนถึงคอลเลกชั่นอื่นๆ ก็ยังคงสไตล์ผ้าสวยหรูดูดีมีเอกลักษณ์ตามสไตล์แบรนด์ แต่สีสันสวย การออกแบบโดดเด่น ไม่มีคำว่าเชย หรือดูโหล นอกจากนี้ ทั้งวัสดุที่นำมาใช้ กระบวนการผลิต-ตัดเย็บต่างๆ ที่ค่อนข้างเนี๊ยบ ยังส่งผลให้ได้สินค้าที่มีคุณภาพสูง คงทน(ต่อสภาพอากาศร้อน ชื้น รังสียูวี เจออากาศบ้านเราก็ไม่ต้องแคร์!) อายุการใช้งานยาวนาน สมกับที่ได้ลงทุน ในระดับที่ดูออกเลยว่า อันไหนงาน CHANEL อันไหนงานเลียนแบบ

 

First Jobber ก็เข้าถึงง่าย

ปกติกลุ่ม Hi-End มักจะมุ่งเป้าดึงใจผู้บริโภคไปที่กลุ่มคนร่ำรวยมีเงินในระดับหนึ่ง แต่แบรนด์ CHANEL แม้จะจัดอยู่ในหมวดแบรนด์ Hi-End ที่มีภาพลักษณ์เรียบหรูดูดีมีระดับก็ตาม แต่สินค้าภายในแบรนด์ก็นับว่า ครอบคลุมคนเกือบทุกระดับตั้งแต่กลุ่ม First Jobber คนที่พึ่งมีรายได้จากการทำงานเองก็สามารถเข้าถึงได้ง่าย (ราคาเริ่มต้นของสินค้าไม่ได้สูงจนเอื้อมไม่ถึง) ไปจนถึงสินค้าที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรวย คนดัง ดาราเซเล็ปต้องมีประจำกรุ ที่เห็นบ่อยๆ ก็คือ กระเป๋า CHANEL ที่คุณจะต้องเคยเห็นบนไหล่ของดารา เซเล็ปคนดัง ไปจนถึงชนชั้นสูงก็มี ทำให้กลุ่มคนที่รอต่อคิวมีมากกว่าแบรนด์อื่นในกลุ่มเดียวกันพอสมควร

 

เครื่องสำอางตีตลาดในไทยติด

จากเดิมที่คนไทยเราเองมีกลุ่มที่ชื่นชอบแบรนด์ CHANEL มาแต่ไหนแต่ไร (แต่ต้องยอมรับว่า คนที่ไม่ได้ติดตามแบรนด์ หรือไม่รู้ว่า CHANEL มีสินค้าประเภทอื่นๆ นอกจากกระเป๋าก็มี) แต่พอ CHANEL เริ่มมีการนำเครื่องสำอางมาวางจำหน่ายในไทยมากขึ้น รวมถึงมีรีวิวตามช่องทางต่างๆ อย่างกลุ่มเครื่องสำอางแพง สื่อโซเชียลมีเดีย การตลาดผ่านเกาหลีก่อนนำเข้ามาไทย ฯลฯ ก็ทำให้คนที่ไม่ได้มีเงินพอจะลงทุน หรือไม่ได้สนใจพวกกระเป๋า/เครื่องหนังของแบรนด์เป็นพิเศษ ก็สามารถเข้าถึงและเปิดใจลองสัมผัสกับแบรนด์นี้ได้ง่ายมากขึ้น (อย่างที่หลายคนรู้กันว่า ตลาดเครื่องสำอางในไทยเติบโตแค่ไหน CHANEL ก็เป็นอีกแบรนด์ที่เหมือนจะตีตลาดได้ติดแล้วเช่นกัน)

 

คนส่วนใหญ่ชอบสัมผัสกับของจริง

ต้องยอมรับว่า การที่แบรนด์ไฮเอนด์จะลงมาเล่นในตลาดออนไลน์ เป็นเรื่องยากที่แบรนด์ใหญ่ๆ จะทำใจ หลังจากที่แบรนด์เหล่านี้พยายามหลีกเลี่ยงที่จะขายผ่านช่องทางออนไลน์มาตลอด เพราะส่งผลให้ภาพลักษณ์ดูด้อยลง แต่ด้วยความที่ช่วงโควิด-19 ส่งผลถึงการเปิดร้านและการเข้าร้านของลูกค้า จึงทำให้ CHANEL จำเป็นต้องมีช่องทางออนไลน์เพิ่มเติม ถึงอย่างนั้น คนส่วนใหญ่ที่คิดว่า จะลงทุนกับสินค้าของแบรนด์ไฮเอนด์ก็ยังคงตัดสินใจที่จะเดินเข้าร้านมารอคิวและเลือกซื้อภายในร้านซะมากกว่า เนื่องจากของส่วนใหญ่ค่อนข้างมีราคา ถ้าเป็นไปได้ก็อยากสัมผัสกับของจริงก่อน 

 

จากเหตุผลทั้ง 4-5 ข้อที่กล่าวไปในข้างต้นก็น่าจะพอทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ว่า แม้จะอยู่ในช่วงโควิด-19 แต่ทำไมช่วงนี้คนต่อแถวเข้าร้าน CHANEL เยอะจัง แต่ด้วยรักและห่วงใย ถ้าเป็นไปได้หากยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร ช่วงที่มีข่าวคนติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นต่อวันขนาดนี้ อาจจะหลีกเลี่ยงการเข้าไปในสถานที่มีคนพลุกพล่านอย่างห้างสรรพสินค้าก่อน แล้วมองดูวิธีการเลือกซื้อด้วยวิธีอื่น เช่น ออนไลน์ ฯลฯ แทนจะดีกว่า เพราะเรื่องไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นกับพวกเราได้เสมอ