เรื่องน่ารู้! ทำไมอีลอนมัสถึงมีอิทธิพลต่อวงการเงินคริปโตเคอเรนซี่?

อย่างที่หลายท่านทราบกันว่า คริปโตเคอเรนซี่จะเป็นสิ่งไร้ค่า ถ้าไม่มีคนให้ค่า แต่หลายเหตุการณ์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้ส่งผลให้กระแสคริปโตเคอเรนซี่พุ่งแรงมาก จนไม่ว่าจะแวดวงคนดัง นักลงทุน หรือคนธรรมดาทั่วไปต่างก็ให้ความสนใจและให้คุณค่ากับ เงินคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งหนึ่งในผู้ทรงอิทธิพลต่อวงการคริปโต ที่หากมีการเคลื่อนไหวเรื่องคริปโตเมื่อไหร่ ผู้คนทั่วโลกจะต้องให้ความสนใจก็คือ Elon Musk นั่นเอง แต่ทำไมเขาถึงมีอิทธิพลต่อวงการสกุลเงินอิเล็กทรอนิกส์มากมายขนาดนี้ ถ้าอยากรู้ต้องอ่าน!

 

เหตุการณ์เกี่ยวกับ “เงินคริปโตเคอเรนซี่” และ “อีลอน มัสก์”

แรกเริ่มเดิมที อีลอน มัสก์ ไม่ได้จะประกาศถึง เงินคริปโตเคอเรนซี่ เอง แต่จะเป็นการตอบคำถามผ่านทวิตเตอร์ซะมากกว่า เช่น ในปี 2017 ปฏิเสธเรื่องที่มีคนถามว่า เขาคือ Satoshi Nakamoto ผู้สร้างบิตคอยน์รึเปล่า? และ ตอบกลับว่า เขาไม่ได้ครอบครองเงินอิเล็กทรอนิกส์สกุลไหนเลย ยกเว้นบิตคอยน์ที่ได้จากเพื่อนมา 25 BTC เป็นต้น

จากนั้นในปี 2019 ก็เริ่มพูดถึงและชื่นชมเงินคริปโตเคอเรนซี่สกุลต่างๆ เช่น โครงสร้าง Bitcoin ยอดเยี่ยมมาก ในพอดแคสต์ https://ark-invest.com/podcast/on-the-road-to-full-autonomy-with-elon-musk และทวีตถึง Dodgecoin ว่า เป็นสกุลเงินดิจิทัลที่เขาค่อนข้างชอบเลยล่ะ ต่อมาก็ทวีตลอยๆ เป็นชื่อสกุลเงินว่า “Ethereum” และ “JK”

ไม่เพียงแค่การพูดถึง แต่อีลอน มัสก์ ยังเคยประกาศจะรับชำระสินค้าของบริษัทเขา อย่าง Tesla ด้วยเงินคริปโตเคอเรนซี่จาก Bitcoin และเข้าลงทุน Bitcoin ในนามของบริษัทกว่า 1,500 ดอลลาร์สหรัฐที่ช่วยให้บริษัทได้ผลกำไรในไตรมาสแรกกว่า 23% ของกำไรทั้งหมด รวมถึงให้ความสำคัญกับ Dodgecoin หลายครั้ง ทั้งระหว่างให้สัมภาษณ์ใน Clubhouse ว่า จะกลายเป็นสกุลเงินของโลกในอนาคต และโพสต์ว่า เขาซื้อเงินนี้เก็บไว้ให้ลูกชายของเขาจำนวนหนึ่งด้วย

ในทุกครั้งที่เขาแสดงความเห็นเชิงบวก และเข้าถือครองในเงินคริปโตเคอเรนซี่มักจะพาข่าวดีมาให้แก่ผู้ที่ถือครองเงินดิจิทัลสกุลนั้นอยู่เสมอ เพราะมูลค่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีเหล่านักลงทุนหน้าใหม่ที่พร้อมเขามาร่วมวงตามอีลอน มัสก์อยู่เสมอ แต่น่าเสียดายที่ การโพสต์ของเขาล่าสุด เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2021 เหมือนจะเป็นข่าวร้ายสำหรับหลายๆ คน เมื่อเขาทวีตว่า Tesla จะไม่รับชำระด้วย Bitcoin อีกแล้ว เนื่องจากมีแนวโน้มเพิ่มปัญหาโลกร้อน ส่งผลให้ราคากของ Bitcoin ร่วงลง 11% ทันที หลังจากเขาได้ทวีตภายใน 1 ชั่วโมง

 

เปิดประวัติ อีลอน มัสก์ ที่จะทำให้รู้เหตุผล!

หากจะถามว่า ทำไมอีลอน มัสก์ ถึงมีอิทธิพลต่อเงินคริปโตเคอเรนซี่ขนาดนั้น ส่วนหนึ่งเพราะ ตัวของอีลอน มัสก์ เอง เป็นหนึ่งในสุดยอดนักธุรกิจอัจฉริยะ (เขาเป็นทั้งนักธุรกิจ นักลงทุน วิศวกร นักประดิษฐ์ ผู้บริหาร สถาปนิกผลิตภัณฑ์ ฯลฯ) จนได้รับ ฉายาว่า Iron Man แห่งโลกความเป็นจริง ใครที่เคยอ่านประวัติชีวิตและแนวคิดของเขาจะต้องอึ้งกันบ้าง เพราะเขาเกิดมา เพื่อเป็นผู้ประสบความสำเร็จโดยแท้ ตั้งแต่

– เขียนโปรแกรมเบสิคในไมโครคอมพิวเตอร์ด้วยตัวเอง เมื่อตอนอายุ 12 ปี โดยเรียนจบภายใน 3 วัน (คนทั่วไปเรียน 6 เดือน) จากนั้นในปีเดียวกัน เขียนเกม ชื่อ Blaster ออกขายในราคา 500 ดอลลาร์สหรัฐฯ

– เมื่ออายุ 14 ปี ได้อ่านหนังสือ The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy แล้วมีแนวคิด รักษาการดำรงอยู่ของมวลมนุษยชาติ ด้วยการหาทางรอดขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์

– อายุ 25 สร้าง ZIP2 จน Compaq ชอเข้าซื้อด้วยเงิน 341 ล้านดอลลาร์ ถัดจากนั้น 3 ปี สร้างบริษัท X.com เป็นธนาคารออนไลน์ เริ่มซื้อสตาร์ทอัพ จนกลายมาเป็น Paypal จากนั้นพออายุ 31 ปี ก็ได้ก่อตั้งโครงการเกี่ยวกับจรวด ในนาม SpaceX และ 33 ปี ได้ร่วมก่อตั้ง Tesla Motors เกี่ยวกับธุรกิจยานยนต์อัจฉริยะ

– ล่าสุด 7 มกราคม 2021 เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สิน 185 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้าเจ้าของ Amazon.com ที่ยืนหนึ่งมาเนิ่นนานไปโดยปริยาย

 

การมีอิทธิพลต่อเงินคริปโตเคอเรนซี่

เคยไหม? เห็นคนที่เก่งมากๆ เราก็อยากมีเขาเป็นไอดอลและทำตามไปซะทุกอย่าง อีลอน มัสก์ ก็เป็นหนึ่งในไอดอลยอดนักลงทุนในดวงใจของใครหลายๆ คนเช่นกัน (จากตัวอย่างความเก่งในหัวข้อที่ผ่านมาก็คงหลายคนรู้สึกไม่แปลกใจเท่าไหร่) เมื่อพูดว่า จะลงทุนเงินคริปโตเคอเรนซี่อะไรก็จะมีคนที่รีบไปศึกษาและพร้อมก้าวตามเขาเสมอ ทำให้มูลค่าเติบโตอย่างก้าวกระโดด หรือถ้าเปลี่ยนใจที่จะโบกมือลา คนที่ถือสินทรัพย์เหล่านั้นมาอย่างเนิ่นนานจำนวนเกินกว่าครึ่งก็มักจะตัดสินใจเทตามได้ไม่ยากเลย

นอกจากในเรื่องการลงทุน และการบริหารแล้ว วิสัยทัศน์ในเรื่องของการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมก็ถือว่า น่าสนใจเช่นกัน ทั้งการลงทุน เพื่อศึกษาทางแก้ไขปัญหาโลกร้อน, เสนอการกำหนดภาษีคาร์บอน, พยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์ เพื่อความยั่งยืน เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และกำหนดจำนวนรถที่จะวางขายในแต่ละปี เป็นต้น อีกทั้ง แม้จะสนใจเรื่องของ เงินคริปโตเคอเรนซี่ มากแค่ไหนก็ตาม แต่เลือกที่จะไม่สนับสนุนต่อไป เพราะการที่มีผู้คนมาขุดเงินดิจิทัลเหล่านี้ เป็นจำนวนมาก ตามเขาหรือบริษัทของเขา เป็นการสิ้นเปลืองพลังงานมาก มีโอกาสสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง

 

ต้องยอมรับว่า อีลอน มัสก์ ไม่ใช่แค่คนเก่งในโลกของธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีความพยายามและวิสัยทัศน์ที่เหมาะกับการเป็นผู้นำในระดับโลก จนหลายๆ คนเลือกที่จะก้าวเดินตาม โดยเฉพาะเรื่องของการลงทุน อย่างที่เห็นใน เงินคริปโตเคอเรนซี่ ได้แต่หวังว่า วันหนึ่งนักลงทุนทั้งหลายจะเห็นความสำคัญของสิ่งแวดล้อมและก้าวเดินตาม อย่างที่อีลอน มัสก์ ก็พยายามมาตลอดด้วย เช่นกัน