ประกัน ช่วยลดความกังวล และ ความไม่แน่นอนทางการเงิน

ภายใต้หน้ากากที่คนไทยใส่กันทุกวัน ความกังวลใจด้านการเงิน และความกังวลใจด้านสุขภาพของคนไทยกำลังแผ่ขยายใหญ่ขึ้น ความเครียดเริ่มเกาะแน่นในความรู้สึก เพราะสัมผัสได้ถึงความเสี่ยงในชีวิตที่เพิ่มขึ้น จากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาดอีกรอบ ซึ่งรอบนี้คนติดเชื้อเพิ่มขึ้นในอัตราเร่งแบบทวีคูณ และกระจายไปทั่วประเทศ

ในสถานการณ์เช่นนี้ ใครที่มีประกันสุขภาพ ประกันคุ้มครองการติดเชื้อจากโควิด-19 ประกันชดเชยรายได้จากการเจ็บป่วย จะมีความกังวลใจน้อยกว่าคนที่ไม่มี เพราะความเสี่ยงทางการเงินของตัวเรา ของครอบครัว ถูกโอนไปไว้กับบริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันสุขภาพ เป็นการส่งต่อความมั่นใจให้กับครอบครัวด้วย

ยกตัวอย่าง ประกันภัยโควิด-19 ที่บริษัทประกันวินาศภัยทำออกมาขาย เพื่อช่วยลดความกังวล และลดความไม่แน่นอนทางการเงินของผู้คนในสังคมไทย จะได้มั่นใจว่าเมื่อป่วยจะได้มีเงินค่ารักษา

ราคาเบี้ยประกันภัยที่ต้องจ่ายมีตั้งแต่หลัก 350 บาท ถึง 1,300 บาท ต่อปี ที่ตั้งเงื่อนไขจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือเงินค่าสินไหมทดแทนไว้คล้ายๆ กัน คือ จ่ายทันทีเมื่อตรวจพบว่าติดเชื้อตั้งแต่ 5,000 บาทถึง 10,000 บาท ช่วงที่รักษาตัวจ่ายตั้งแต่ 30,000 บาทถึง 100,000 บาท จ่ายเมื่อเกิดอาการโคม่าและค่าวัคซีน 200,000 บาทถึง 1,000,000 บาท บางแห่งมีการจ่ายค่าชดเชยรายได้จากการหยุดงานอีก

ขณะที่ บริษัทประกันชีวิตหลายแห่ง มีการประกาศให้ความคุ้มครองการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 กับลูกค้าที่ซื้อประกันสุขภาพกับบริษัทไว้ โดยไม่ต้องจ่ายเบี้ยเพิ่ม และมีการร่นระยะเวลารอคอยจาก 30 วัน เหลือ 14 วัน หมายความว่า เดิมบริษัทประกันชีวิตจะจ่ายค่ารักษา เมื่อลูกค้าเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลังจากที่บริษัทอนุมัติกรมธรรม์ประกันสุขภาพผ่านไป 30 วัน ตอนนี้ลดลงมาเหลือ 14 วัน และสามารถเข้ารับการรักษาตัวได้ที่โรงพยาบาลสนามที่รัฐบาลรับรอง

จะเห็นว่า ราคาเบี้ยประกันภัยโควิด-19 ต่ำมาก เมื่อเทียบกับความคุ้มครองที่ได้รับเมื่อเจ็บป่วยตามเงื่อนไข ช่วยลดความกังวล ลดความไม่แน่นอนทางการเงินของเราลงได้

กรณี มีประกันชดเชยรายได้จากการต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาล ทำให้ไม่สามารถไปทำงานได้ บริษัทประกันจะเข้ามาจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามที่เราได้ทำสัญญากันไว้ ซึ่งมีให้เลือกตั้งแต่วันละ 500 บาทถึง 10,000 บาท จำนวน 30 วันถึง ปี บางบริษัทจ่ายถึง ปี แต่เบี้ยประกันก็จะสูงตามไปด้วย

ไม่เพียงประกันโควิด-19 เท่านั้น ที่ช่วยลดความกังวล และ ความไม่แน่นอนทางการเงินของเราลงได้ ประกันทุกประเภท ก็ทำหน้าที่เดียวกัน เพียงแต่ดูแลปกป้องความเสี่ยงต่างกัน

อาทิ ผู้เขียนซื้อประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคลไว้ จ่ายเบี้ยประกันภัยปีละ 1,900 บาท ได้รับวงเงินค่ารักษา หมื่นบาทต่อการเกิดอุบัติเหตุ ครั้ง และถ้าเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ก็จะได้รับค่าสินไหมทดแทน 800,000 บาท ทำมาร่วม 15 ปี ซึ่งผู้เขียนภาวนาตลอดว่าขอให้แคล้วคลาดจากภัยทั้งปวง เพราะความปลอดภัยคือสิ่งที่ปราถนาสูงสุด

ถึงจะภาวนาและระวังตัวมากแค่ไหน ผู้เขียนก็ยังได้รับอุบัติเหตุ ครั้ง ในรอบ 15 ปี ชีวิตนี้ไม่แน่นอนจริงๆ  ที่รู้สึกประทับใจและรักประกันมาก เมื่อตอนเกิดอุบัติเหตุครั้งแรกไปเกาะบาหลี ถูกลิงขโมยฉกแว่น เล็บลิงข่วนหน้า ต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อทำแผลและรับการฉีดวัคซีนป้องกันพิษสุนัขบ้าและบาดทะยักทันทีที่บาหลีโดยสำรองจ่ายไปก่อน แล้วมาฉีดต่อที่โรงพยาบาลในไทยอีก ครั้ง ค่าหมอ ค่ายา ค่าวัคซีน รวมเป็นเงิน 15,000 บาท

การมีประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล ทำให้เราใช้ชีวิตได้อย่างสบายใจ ไม่กังวลกับค่ารักษาที่จะเกิดขึ้น เพราะบริษัทประกันภัยเป็นผู้จ่ายให้ตามวงเงินที่ตกลงกันไว้

ขอยกอีกหนึ่งตัวอย่าง คือ ประกันสินเชื่อบ้าน ประกันสินเชื่อรถยนต์ ที่ผู้ซื้อบ้าน คอนโดมิเนี่ยม รถยนต์ จะถูกธนาคารที่ปล่อยกู้ กำหนดให้ต้องทำประกันสินเชื่อด้วย เพราะธนาคารต้องการความมั่นใจว่า ถ้าเราเกิดเสียชีวิต หรือ เกิดพิการถาวร ทำงานไม่ได้ จะมีบริษัทประกันชำระหนี้ส่วนที่เหลือที่เรายังผ่อนไม่หมดแทนเรา เพราะธนาคารก็ไม่อยากยึดบ้าน ยึดรถ หรือไปตามไล่เบี้ยจากผู้ค้ำประกัน เพราะมีต้นทุนสูงในการต้องนำไปขายทอดตลาด เสียเวลาด้วย

ขณะเดียวกัน ประกันสินเชื่อยังส่งผลดีกับเราด้วย เพราะการประกันสินเชื่อ เป็นการสร้างความสบายใจให้กับคนในครอบครัวว่า หากเราที่เป็นผู้ขอกู้เสียชีวิตหรือพิการสิ้นเชิงถาวร ครอบครัว และผู้ค้ำประกัน ไม่เดือดร้อน ไม่ต้องหาเงินมาผ่อนบ้าน ผ่อนรถต่อจากเรา เพราะมีบริษัทประกันมาจ่ายหนี้ที่เหลือให้ เรียกว่าเป็นการส่งต่อมรดกที่ปลอดหนี้ให้ทายาทอย่างชาญฉลาด

ประกัน ยังใช้เป็นหลักประกันทางการเงินทางกฎหมายที่ทั่วโลกยอมรับ ซึ่งนักเดินทางทั้งหลายจะเข้าใจดี เพราะการขอวีซ่าเดินทางไปท่องเที่ยว โดยเฉพาะการไปเที่ยวยุโรป จะถูกบังคับว่าต้องมีประกันคุ้มครองสุขภาพ และคุ้มครองอุบัติเหตุขณะเดินทาง วงเงินตั้งแต่ 1,300,000 บาทขึ้นไป ถึงจะพิจารณาอนุมัติวีซ่าเดินทางให้ โดยราคาเบี้ยประกันภัยอยู่หลักพันบาท

เรียกว่า ประกัน เป็นเครื่องมือทางการเงินที่ต้นทุนต่ำและทรงประสิทธิภาพที่สุด เมื่อมีความเสี่ยงเกิดขึ้นในชีวิต โดยใช้เงินก้อนเล็ก สร้างสภาพคล่องก้อนใหญ่ ที่นำมาใช้ได้อย่างทันท่วงที ไม่กระทบกับค่าผ่อนบ้าน ไม่กระทบกับการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ทำให้ครอบครัวและตัวเองเดือดร้อน ช่วยลดความกังวล และลดความไม่แน่นอนทางการเงินลงได้